“สามเดือนผ่านไปไวเหมือนโกหก”

นักเรียนทุนรัฐบาลโครงการ 1 อำเภอ 1 ทุนในประเทศญี่ปุ่น
โดยสำนักงานผู้ดูแลนักเรียนไทยในประเทศญี่ปุ่น
“สามเดือนผ่านไปไวเหมือนโกหก” สามเดือนที่อยากจะพูดถึงในที่นี้ก็คือสามเดือนที่น้องๆทุนอำเภอได้มาอยู่ในประเทศญี่ปุ่น หลายท่านคงจะทราบกันดีอยู่แล้วว่าปีนี้เป็นปีแรกที่เด็กนักเรียนที่เรียนดีในแต่ละอำเภอได้มีโอกาสมาศึกษาต่อในต่างประเทศด้วยทุนของรัฐบาลไทย ประเทศญี่ปุ่นก็เป็นประเทศหนึ่งที่มีนักเรียนเลือกมาเรียนถึง 121 คน น้องๆทั้ง121 คนนี้ เดินทางมาประเทศญี่ปุ่นโดยแบ่งกลุ่มกันมา 3 กลุ่ม 3 วัน ช่วงปลายเดือนกันยายน 1 กลุ่มและต้นเดือนตุลาคม 2 กลุ่ม น้องทุนอำเภอนี้เรียกได้ว่ามากับความชุ่มฉ่ำชุ่มชื้นเลยก็ว่าได้ เพราะว่าฝนจะตกต้อนรับน้องๆตั้งแต่วันแรกที่น้องเดินทางมาถึงประเทศญี่ปุ่นทั้งสามวัน ทั้งๆที่วันก่อนหน้านั้นจะเป็นวันที่อากาศดีท้องฟ้าแจ่มใสมาโดยตลอด ทำให้น้องส่วนใหญ่ที่ไม่เคยขึ้นเครื่องบินพากันหายใจไม่ทั่วท้องขณะนั่งอยู่บนเครื่องเพราะเครื่องบินตกหลุมอากาศอยู่บ่อยๆ เท่านั้นยังไม่พอ วันใดที่มีการนัดประชุมรวมกลุ่มน้องๆวันนั้นจะมีพายุฝนทุกครั้งไป จนเป็นหวัดกันถ้วนทั่วทุกคน แต่ก็ยังดีที่น้องๆมีกำลังใจที่ดีมากเพราะถึงเป็นหวัดในดินแดนต่างบ้านต่างเมืองเช่นนี้แต่ก็หายกันได้ไวนัก คงเพราะมีกำลังใจจากญาติพี่น้องเพื่อนฝูงทางเมืองไทยที่ส่งมาให้อย่างท่วมท้นเป็นแน่เชียว พอมาถึงญี่ปุ่นวันแรก แต่ละคนก็ไม่มีเวลาพักผ่อนกันทั้งเจ้าหน้าที่ที่มาส่งและทั้งนักเรียนทุนอำเภอ เพราะต่างต้องพากันแยกย้ายไปเข้าหอพักของแต่ละโรงเรียนซึ่งอยู่ภายในกรุงโตเกียวและจังหวัดใกล้เคียง บางคนเมื่อลงจากเครื่องบินแล้ว ด้วยความไม่เคยชินกอปรกับความตื่นตาตื่นใจกับสถานที่ใหม่ที่ตนเองจะต้องมาใช้ชีวิตอยู่ ก็เลยลืมไปว่าตัวเองนำกระเป๋าเดินทางมาด้วยมานึกได้เอาอีกทีก็ตอนที่เดินทางถึงหอพักกันเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ก็ต้องเดินทางกลับไปที่สนามบินนาริตะอีกพร้อมกับเจ้าหน้าที่ของโรงเรียนเพื่อไปตามหากระเป๋าเดินทางของตัวเอง หลังจากนั้นน้องๆก็ไปทำบัตรประจำตัวคนต่างชาติ บัตรประกันสุขภาพที่ที่ว่าการอำเภอ บางคนก็ต้องไปเปิดบัญชีที่ธนาคารด้วย เพราะยิ่งเปิดได้เร็วเท่าไรเงินค่าใช้จ่ายประจำเดือนและอื่นๆจากสำนักงานก.พ.ก็จะโอนมาให้น้องได้เร็วขึ้นเท่านั้น อันนี้เป็นเรื่องสำคัญที่น้องเป็นห่วงกันอยู่มาก ตอนเปิดบัญชีธนาคารก็มีปัญหาขลุกขลักบ้างเล็กน้อย เพราะการเปิดบัญชีธนาคารที่ญี่ปุ่นจำเป็นต้องใช้ตราประทับ ซึ่งคนญี่ปุ่นจะมีประจำตัวกันทุกคน แต่คนต่างชาติอย่างเราๆส่วนใหญ่ก็จะไม่มี โดยเฉพาะคนที่เพิ่งมาญี่ปุ่นได้วันแรกอย่างนี้ด้วย แต่เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องก็พยายามประสานงานกับทั้งทางโรงเรียนภาษาและกับทางธนาคารเพื่อให้น้องได้เปิดบัญชีธนาคารได้อย่างสะดวกและรวดเร็วที่สุด น้องบางกลุ่มที่แม้แต่รถไฟฟ้าที่เมืองไทยก็ยังไม่เคยขึ้นนั้น ก็ได้ขึ้นลงรถไฟฟ้าของญี่ปุ่นจนชำนาญไปเลยในเวลาเพียงวันเดียวเท่านั้น วันรุ่งขึ้น น้องๆส่วนใหญ่ก็จะเดินทางไปยังโรงเรียนภาษาที่ตัวเองจะต้องเข้าไปเรียน เพื่อเข้าร่วมฟังการปฐมนิเทศของโรงเรียน ซึ่งมีอาจารย์ใหญ่ อาจารย์ที่ปรึกษา อาจารย์แนะแนว และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องอีกหลายคน เรียงหน้ากระดานกันมากล่าวต้อนรับและแนะนำตัวให้น้องๆได้รู้จัก และแน่นอนทุกคนพูดเป็นภาษาญี่ปุ่น แต่ไม่ต้องเป็นห่วงเพราะทางโรงเรียนได้เตรียมรุ่นพี่ที่เป็นคนไทยมาทำหน้าที่แปลภาษาให้น้องๆได้อุ่นใจ ทำให้ได้เห็นแบบอย่างที่ดี และทำให้น้องๆมีกำลังใจว่าถ้าพยายามตั้งใจเรียนก็จะทำได้เช่นเดียวกับรุ่นพี่เพราะรุ่นพี่ก็เป็นนักเรียนทุนส่วนตัวที่มาเรียนภาษาได้เพียง 1 ปีเท่านั้น บางโรงเรียนก็ให้น้องๆแนะนำตัวเป็นภาษาญี่ปุ่นกันโดยทันที ซึ่งน้องๆก็ทำได้เป็นอย่างดี อาจารย์คนญี่ปุ่นถึงกับกล่าวชมเชยกันยกใหญ่ ทำให้พวกเราที่อยู่ด้วยพลอยยิ้มและชื่นชมอยู่ในใจไปด้วย มาทราบทีหลังว่าบางโรงเรียนนั้นได้ไปพบกับน้องๆที่เมืองไทยมาก่อน และแจกตำราภาษาญี่ปุ่นให้ได้เตรียมตัวก่อนเดินทางมาญี่ปุ่นอยู่แล้ว ซึ่งก็นับว่าน้องๆรู้จักทำการบ้านกันมาก่อนได้เป็นอย่างดี เมื่อน้องๆเข้าหอพัก เข้าโรงเรียน ได้สักหนึ่งเดือน เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องก็เริ่มออกไปเยี่ยมเยือนน้องๆในแต่ละหอพัก ก็ได้เห็นว่าทุกคนปรับตัวเข้ากับประเทศญี่ปุ่นกันได้เป็นที่น่าพอใจ น้องๆมีเรื่องราวประสบการณ์ใหม่ๆที่ได้ประสบพบเจอมาเล่าให้ฟังมากมาย จนแทบจะต้องให้ยกมือเล่ากันทีละคนทีเดียว อาทิ ประสบการณ์กับแผ่นดินไหวครั้งแรกในชีวิต บางคนนอนอยู่บนเตียงก็นึกว่าเพื่อนแกล้งเขย่าเตียงบ้าง บางคนเดินอยู่ก็นึกว่าไม่สบายเพราะรู้สึกตัวไหวโอนเอนบ้าง บางคนหาปุ่มชักโครกในห้องน้ำไม่เจอเพราะมันเป็นปุ่มที่อยู่บนพื้นซึ่งต้องใช้เท้าเหยียบ บางคนขึ้นบันไดเลื่อนโดยหยุดยืนอยู่ทางขวาโดยไม่รู้ว่าที่โตเกียวคนที่จะไม่เดินบนบันไดเลื่อนนั้นเขาจะหยุดยืนอยู่ทางซ้ายและเว้นที่ทางขวาไว้ให้คนที่รีบผ่านไป บางคนที่มีเพื่อนร่วมหอพักเป็นชาวต่างชาติด้วยกันก็มีการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมโดยทำอาหารให้กันทาน บางคนทำกระเป๋าสตางค์หายแต่ก็ได้คืนมา บางคนถูกตำรวจขอตรวจดูบัตรประจำตัวคนต่างชาติและถูกตักเตือนเพราะส่งเสียงดังกันในเวลากลางคืนจนชาวบ้านแถวนั้นต้องไปแจ้งตำรวจแต่ก็ไม่ได้เป็นเรื่องราวใหญ่โตอะไร เป็นต้น ส่วนเรื่องการเรียนสามเดือนที่ผ่านมาทางโรงเรียนก็เน้นเรื่องการเรียนภาษาญี่ปุ่นก่อน แต่จากนี้ไปก็จะจัดให้มีการเรียนวิชาคณิตศาสตร์ ฟิสิกส์ เคมี ชีวะ สังคม ภาษาอังกฤษ เป็นภาษาญี่ปุ่น ซึ่งจะแยกเรียนโดยแบ่งเป็นสายวิทย์กับสายศิลป์อีกด้วย เนื่องจากวิชาเหล่านี้เป็นวิชาที่จะใช้ในการสอบเพื่อศึกษาต่อในประเทศญี่ปุ่นสำหรับนักศึกษาต่างชาติ ซึ่งเหมือนข้อสอบเข้ามหาวิทยาลัยของบ้านเราแต่เป็นข้อสอบเฉพาะคนต่างชาติเท่านั้น การสอบนี้จะมีขึ้นในเดือนมิถุนายนและเดือนพฤศจิกายนของทุกปี นอกจากนี้ ที่ผ่านมาน้องๆได้มีโอกาสเข้าร่วมงานวันชาติที่สถานเอกอัครราชทูตไทย งานกีฬาของสมาคมนักเรียนไทยในประเทศญี่ปุ่น และงานประเพณีลอยกระทงของภาคเอกชน ได้พบปะชุมชนชาวไทยในประเทศญี่ปุ่น ซึ่งในงานก็มีอาหารไทยให้ได้คลายความคิดถึงไปได้บ้าง แล้วยังได้มีโอกาสพบกับกลุ่มอาสาสมัครคนไทยที่มาเป็นพี่เลี้ยงคอยแนะนำหรือเป็นที่ปรึกษายามที่น้องต้องการ และกลุ่มนักเรียนไทยในประเทศญี่ปุ่นอีกหลายคนที่เต็มใจจะให้ความช่วยเหลือทั้งในด้านการเรียนและอื่นๆ สามเดือนที่ผ่านมานักเรียนทุนอำเภอได้พบกับประสบการณ์ต่างๆ มากมาย สิ่งที่พวกเขาได้เห็น ได้สัมผัส จะเป็นสิ่งที่มีค่ากับชีวิตของพวกเขาตลอดไป จากนี้ไปพวกเขาจะยังได้พบเห็นและได้เรียนรู้อะไรอีกมากมายจากประเทศที่มีความเจริญมากที่สุดในเอเชีย ความรู้บางอย่างไม่สามารถสอนกันได้ในห้องเรียนแต่สามารถเรียนรู้ได้จากประสบการณ์ หวังว่าพวกเขาจะเก็บเกี่ยวเอาสิ่งละอันพันละน้อยเหล่านั้นกลับไปเป็นของฝากให้กับพี่น้องชาวไทย นับจากเดือนนี้ไป ประเทศญี่ปุ่นจะเข้าสู่ฤดูหนาว พวกเขาคงจะต้องผจญกับความหนาวเหน็บ และอาจจะได้เห็นหิมะซึ่งเป็นของแปลกสำหรับบ้านเรา หวังเป็นอย่างยิ่งว่าน้องๆเหล่านี้จะมีสุขภาพกายและสุขภาพใจที่แข็งแรงสมบูรณ์ เพื่อที่จะได้กลับไปเป็นผู้นำชุมชนที่ดี และนำความรู้ ประสบการณ์ ที่ได้ไปพัฒนาชุมชนบ้านเกิดของตนเอง และเป็นกำลังสำคัญของประเทศชาติต่อไป
1 อำเภอ 1 ทุนในประเทศญี่ปุ่น

0 ความคิดเห็น: