สรุปการประชุม โครงการ 1 อำเภอ 1 ทุน รุ่น 3

รม ว.ศึกษาธิการ เผยโครงการ 1 อำเภอ 1 ทุน เตรียมดำเนินการรุ่น 3 เริ่มรับสมัครปลายปีนี้ สายสามัญ-อาชีวะทั่วประเทศ รวม 926 ทุน (20 มิ.ย. 2551)

นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการโครงการ ๑ อำเภอ ๑ ทุน ครั้งที่ ๑ เมื่อวันที่ ๑๙ มิถุนายน ๒๕๕๑ ที่ห้องประชุมชั้น ๒ อาคารราชวัลลภ กระทรวงศึกษาธิการ

รมว.ศธ.กล่าวภายหลังการประชุมว่า คณะกรรมการฯ ที่มาประชุมครั้งนี้ มาจากผู้แทนหลายฝ่าย คือ คณะกรรมการที่ปรึกษา รมว.ศธ. องค์กรหลักของ ศธ. ผู้แทนสำนักงาน ก.พ. สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล กระทรวงการต่างประเทศ มหาดไทย การคลัง สำนักงบประมาณ สภาพัฒน์ สถาบันทดสอบทางการศึกษาแห่งชาติ เป็นต้น โดยที่ประชุมได้เห็นชอบร่วมกันที่จะให้มีการเปลี่ยนชื่อโครงการ จาก "ทุนการศึกษาเพื่อพัฒนาท้องถิ่น" เป็น "โครงการ ๑ อำเภอ ๑ ทุน" ตามชื่อเดิมที่ได้เคยดำเนินการมาแล้ว ๒ รุ่น แต่ได้ถูกระงับไปในสมัยรัฐบาลที่แล้ว

ขณะนี้รัฐบาลได้เห็นชอบที่จะให้มีการดำเนินการจำหน่ายสลากกินแบ่งรัฐบาล เลขท้าย ๓ ตัว ๒ ตัว (หวยบนดิน) ในเดือนกันยายน ๒๕๕๑ หลังจากนั้นจึงจะจัดสรรเงินรายได้มาให้โครงการนี้ต่อไป

ดังนั้น ศธ.จึงต้องเตรียมความพร้อมที่จะดำเนินการเป็นรุ่นที่ ๓ โดยให้ปลัด ศธ.และสำนักความสัมพันธ์ต่างประเทศ (สต.สป.) เป็นฝ่ายเลขานุการ ซึ่งได้เตรียมการไว้แล้ว นอกจากนี้ ตนยังได้เสนอแต่งตั้งคณะกรรมการโครงการ ๑ อำเภอ ๑ ทุนขึ้นมาชุดหนึ่ง ขณะนี้อยู่ในระหว่างการพิจารณาจาก ครม.

ทั้งนี้ ที่ประชุมได้รับทราบข้อมูลการดำเนินการที่ผ่านมา ดังนี้

## รุ่นที่ ๑ ปี ๒๕๔๗ มีผู้ได้รับทุนทั้งสิ้น ๙๒๑ คน แบ่งเป็นไปศึกษาในไทย ๑๘๒ คน ต่างประเทศ ๗๓๙ คน ในจำนวนนี้กลับมาศึกษาต่อในไทย ๑๔๒ คน ลาออกหรือ ก.พ.ให้ยุติ ๑๑ คน, ทั้งนี้นักเรียนทุนในรุ่นแรกที่ไปศึกษาต่อต่างประเทศได้สำเร็จการศึกษาระดับ ปริญญาตรีแล้วถึง ๑๓ คน ส่วนใหญ่เป็นผู้เลือกไปศึกษาที่อินเดีย และสำเร็จระดับอนุปริญญาอีก ๔ คนจากเนเธอร์แลนด์ ๓ คน ญี่ปุ่น ๑ คน

## รุ่นที่ ๒ ปี ๒๕๔๙ มีผู้ได้รับทุนทั้งสิ้น ๙๑๕ คน แบ่งเป็นศึกษาในไทย ๑๗๖ คน ต่างประเทศ ๗๓๙ คน ในจำนวนนี้กลับมาศึกษาต่อในไทย ๓๑ คน

ส่วนการดำเนินการรุ่นที่ ๓ จะมีจำนวนทุนรวมทั้งสิ้น ๙๒๖ ทุน ซึ่งมีทั้งทุนสายสามัญและสายอาชีวศึกษา ซึ่งคุณสมบัติผู้สมัครสายสามัญเป็นนักเรียนจบมัธยมศึกษาตอนปลายหรือเทียบเท่า (รวมทั้งผู้จบ กศน.ด้วย) ในปีการศึกษา ๒๕๕๑ เกรดเฉลี่ยไม่ต่ำกว่า ๓.๐๐ ส่วนสายอาชีวศึกษาซึ่งเพิ่มให้รุ่นนี้เป็นรุ่นแรก จะได้รับทุนประมาณ ๑ ใน ๓ ของจำนวนทุนทั้งหมด โดยเป็นผู้จบ ปวช.ทุกสังกัด เกรดเฉลี่ยไม่ต่ำกว่า ๒.๗๕ และต้องเลือกศึกษาในสาขาที่กำหนดตามความต้องการของประเทศ ๘ สาขาคือ ๑)ยานยนต์ ๒)ปิโตรเคมีและเคมีภัณฑ์ ๓)บริการและโลจิสติกส์ ๔)ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ เครื่องไฟฟ้า และเครื่องคอมพิวเตอร์ ๕)ของใช้ในครัวเรือนส่วนตัวและเวชภัณฑ์ ๖)เกษตรและอุตสาหกรรมอาหาร ๗)แฟชั่น-สิ่งทอ และ ๘)คอมพิวเตอร์และการสื่อสาร ซึ่งนักเรียนสามารถเลือกศึกษาต่อได้ทั้งในประเทศหรือต่างประเทศ

สำหรับการดำเนินการรุ่นที่ ๓ จะรับสมัครและตรวจสอบคุณสมบัติผู้สมัครตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน ๒๕๕๑ - มกราคม ๒๕๕๒ สอบข้อเขียนปลายเดือนมกราคม ๒๕๕๒ สอบสัมภาษณ์เดือนมีนาคม ๒๕๕๒ และคาดว่าจะประกาศรายชื่อได้ในเดือนมีนาคม ๒๕๕๒ หลังจากนั้นจะมีการเตรียมความพร้อมด้านภาษา วัฒนธรรม คณิตศาสตร์ และวิทยาศาสตร์อีกประมาณ ๘ เดือน ก่อนที่จะเดินทางไปศึกษาต่อในต่างประเทศ

นางจรวยพร ธรณินทร์ ปลัด ศธ.กล่าวเพิ่มเติมว่า ที่ประชุมยังได้พิจารณาว่าอาจจะเพิ่มทุนในสาขาครูในต่างประเทศด้วย สำหรับคุณสมบัติผู้รับทุนจะต้องมีฐานะยากจน แต่เส้นความยากจนไม่ได้จำกัดเฉพาะรายได้ครอบครัวไม่เกิน ๑๕๐,๐๐๐ บาทต่อปีเหมือนรุ่นที่ผ่านมา แต่คณะกรรมการจะต้องพิจารณาโดยใช้ข้อมูลภาระทางครอบครัวประกอบด้วย เช่น บางครอบครัวมีรายได้เกิน ๑๕๐,๐๐๐ บาทต่อปีแต่มีบุตรมากถึง ๓ คน หรือบางครอบครัวเป็นตา ยายที่ไม่มีรายได้เป็นผู้ส่งเสียเลี้ยงดูผู้รับทุน ให้พิจารณากรณีพิเศษ เป็นต้น


ที่มา : http://www.moe.go.th - 23 มิถุนายน 2551

0 ความคิดเห็น: