อนุมัติ"1อำเภอ1ทุน" คาด5ปีงบ5.4พันล.

ครม.ไฟเขียวฟื้นประชานิยม "1 อำเภอ 1 ทุน" ส่งเด็กเรียนต่อต่างประเทศ ตั้ง "สมชาย" ประธานคัดเลือกผู้ได้รับทุนจากกระทรวงศึกษาธิการ คาด 5 ปีใช้งบกว่า 5.4 พันล้านบาท

น.ส.ศุภรัตน์ นาคบุญนำ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ที่มีนายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี เป็นประธาน วานนี้ (5 ส.ค.) เห็นชอบให้เปลี่ยนชื่อ โครงการทุนการศึกษาเพื่อพัฒนาท้องถิ่น รุ่นที่ 3 เป็น โครงการเดิม คือ 1 อำเภอ 1 ทุน ตามที่นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เสนอ

ขณะเดียวกัน ได้อนุมัติในหลักการให้กระทรวงศึกษาธิการดำเนินโครงการ 1 อำเภอ 1 ทุน รุ่นที่ 3 เพื่อกระจายโอกาสและความเสมอภาคทางการศึกษา ให้นักเรียนที่มีฐานะยากจน และเรียนดี มีความประพฤติดีได้ศึกษาต่อระดับปริญญาตรีในประเทศ และต่างประเทศในสาขาที่สอดคล้องกับความต้องการของประเทศ

นอกจากนี้ ครม.ยังเห็นชอบให้ ตั้งคณะกรรมการโครงการ 1 อำเภอ 1 ทุนขึ้นมา 1 คณะ เพื่อกำกับดูแลการดำเนินโครงการ โดยมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เป็นประธาน และผู้แทนจากหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องอีก 24 คน เป็นกรรมการ มีอำนาจหน้าที่สำคัญ ได้แก่ กำหนดทิศทางการดำเนินงานให้สอดคล้องนโยบายรัฐบาล คัดเลือกผู้ได้รับทุนให้เป็นไปโดยบริสุทธิ์ยุติธรรม รวมถึงติดตามประเมินผลสำเร็จโครงการเพื่อรายงานต่อรัฐบาล

ทั้งนี้ กระทรวงศึกษาธิการ รายงานว่า หลักเกณฑ์การดำเนินงานโครงการ รุ่นที่ 3 ปีการศึกษา 2552 แยกเป็นให้ทุนศึกษาต่อระดับอุดมศึกษาไม่เกินปริญญาตรี ทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยให้ไปศึกษาในประเทศที่ไม่ใช้ภาษาอังกฤษเป็นภาษากลางในการสื่อสาร เพื่อส่งเสริมให้นักเรียนได้เรียนรู้ภาษาอื่นๆ นอกจากภาษาอังกฤษ และเรียนรู้วิทยาการจากประเทศเหล่านั้น ซึ่งนักเรียนที่เลือกไปศึกษาต่อต่างประเทศ ต้องเข้ารับการเตรียมความพร้อมด้านภาษาของประเทศที่เลือกจนถึงระดับที่สามารถใช้สื่อสารได้ และต้องได้รับการตอบรับจากสถาบันการศึกษาที่นักเรียนสมัครเข้าศึกษาก่อน จึงสามารถด้านทางไปศึกษาต่อได้

สำหรับทุนแบ่งเป็น 2 ประเภท ได้แก่ สายสามัญ และสายอาชีพศึกษา จำนวน 926 ทุน โดยจะดำเนินการคัดเลือกผู้รับทุนจากทุกอำเภอ/กิ่งอำเภอ ทั่วประเทศ โดยผู้สมัครสายสามัญต้องมีผลการเรียนเฉลี่ยสะสมระดับมัธยมศึกษาตอนปลายหรือเทียบเท่าไม่ต่ำกว่า 3.00 สำหรับผู้สมัครสายอาชีวศึกษาต้องมีผลการเรียนเฉลี่ยสะสมระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพไม่ต่ำกว่า 2.75 นักเรียนสายอาชีวศึกษาต้องเลือกศึกษาในสาขาอุตสาหกรรมที่กำหนดให้ ซึ่งเป็นสาขาที่เป็นความต้องการของประเทศ และต้องมีการเตรียมความพร้อมผู้รับทุนให้มากขึ้นกว่ารุ่นที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม ผู้สมัครรับทุนต้องมีรายได้ครอบครัวรวมกันไม่เกิน 150,000 บาทต่อปี

การให้ทุนการศึกษาจะพิจารณาจากความเชี่ยวชาญ และความชำนาญในสาขาตามกลุ่มอุตสาหกรรมหลักในสถาบันการศึกษาทั้งภายในประเทศและต่างประเทศ โดยจัดสรรจำนวนทุน ตามกลุ่มสาขาวิชาที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนากลุ่มอุตสาหกรรมหลัก และความต้องการกำลังบุคลากรของประเทศ ระยะเวลาดำเนินโครงการตั้งแต่ปี งบประมาณ พ.ศ.2552-2558

ส่วนค่าใช้จ่ายในกระบวนการคัดเลือก และเตรียมความพร้อมสำหรับปีงบประมาณ 2552 จำนวน 147,201,200 บาท และค่าใช้จ่ายตลอดโครงการคิดเป็นเงินประมาณ 5,460.62 ล้านบาท โดยอาจใช้แหล่งเงินนอกงบประมาณ อาทิเช่น เงินรายได้จากการจำหน่ายสลากเลขท้าย 3 ตัว 2 ตัว เป็นต้น

อย่างไรก็ตาม ที่ประชุมครม.พิจารณาแล้วมีความเห็นว่า งบประมาณที่จะนำมาใช้ในโครงการ 1 อำเภอ 1 ทุนในรุ่นที่ 3 ทางกระทรวงศึกษาธิการควรเจียดจ่ายเงินงบประมาณที่กระทรวงได้รับในการดำเนินโครงการนี้ไปก่อน เพราะรัฐบาลไม่ได้ตั้งงบไว้สำหรับดำเนินโครงการดังกล่าว

ที่มา : http://www.moe.go.th , http://www.bangkokbiznews.com

1 ความคิดเห็น:

ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

ขอบคุณสำหรับข้อมูลดีๆครับ