“วิจิตร” ระบุเด็ก 1 ทุน 1 อำเภอไม่ผูกพันใช้ทุนเพราะรัฐไม่มีงานรองรับ

“วิจิตร” เตรียมหารือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดสรรทุนการศึกษาเพื่อพัฒนาท้องถิ่น รุ่นที่ 3 ยันการส่งเด็กไปเรียนในประเทศที่ไม่ใช้ภาษาอังกฤษเป็นเรื่องจำเป็น เพราะวิทยาการสมัยใหม่ไม่ได้อยู่เฉพาะในประเทศที่ใช้ภาษาอังกฤษ ระบุรัฐไม่สามารถผูกพันนักเรียน 1 ทุน 1 อำเภอ ให้กลับมาใช้ทุนทำงานในท้องถิ่นได้ เพราะไม่มั่นใจว่าจะมีงานรองรับ และเด็กทุนฯ เป็นเด็กเก่งไม่หยุดแค่ ป.ตรี ส่วนใหญ่ได้ทุนต่อ ป.โท-เอก จึงต้องรักษาหลักการเดิมให้ทุนไม่ผูกพัน หรือหากอยากให้กลับมาใช้ทุน รัฐควรสรรทุนให้ ป.โท-เอกด้วย

ศ.ดร.วิจิตร ศรีสอ้าน รมว.ศึกษาธิการ กล่าวถึงความคืบหน้าแนวทางการจัดสรรทุนการศึกษาเพื่อพัฒนาท้องถิ่นว่า เมื่อเร็วๆ นี้ ตนได้นำแนวทางในการจัดสรรทุนการศึกษาเพื่อพัฒนาท้องถิ่น เข้าเสนอต่อที่ประชุม ครม. ซึ่งได้มีการตั้งข้อสังเกต อาทิ เมื่อนักเรียนกลับมาแล้วจะต้องมาทำงานใช้ทุนหรือไม่ การจัดส่งนักเรียนไปเรียนในประเทศที่ไม่ใช้ภาษาอังกฤษเป็นภาษาหลัก เป็นต้น ซึ่ง ครม.ได้มอบให้ ศธ. กลับไปพิจารณา โดยเชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาหารือเพิ่มเติม คาดว่าในสัปดาห์หน้าจะนัดประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อดำเนินการให้แล้วเสร็จได้ เนื่องจากมีประเด็นที่จะต้องหารือไม่มาก เพื่อจะได้นำเสนอต่อ ครม. และประกาศจัดสรรทุนรุ่นที่ 3 ต่อจากเดิมโครงการ 1 ทุน 1 อำเภอที่ส่งนักศึกษาไปเรียนในรุ่นที่ 1-2 ได้

รมว.ศึกษาธิการ กล่าวต่อไปว่า สำหรับหลักการที่ให้ส่งเด็กไปเรียนในประเทศที่ไม่ใช้ภาษาอังกฤษคงยังไม่มีการเปลี่ยนแปลง เนื่องจากไทยต้องมีมิตรทั่วโลก และเวลานี้ทั้งวิทยาการและภาษา ก็ไม่ได้อยู่กับประเทศที่ใช้ภาษาอังกฤษเท่านั้น เช่น ระบบเศรษฐกิจโลกที่ใหญ่โตที่สุดในขณะนี้ก็คือประเทศจีน เมื่อเราส่งเด็กไปเรียนวิทยาการที่หาที่อื่นไม่ได้ เช่น แพทย์แผนโบราณ ยาสมุนไพร ถ้าไม่รู้ภาษาจีนก็จะเข้าไม่ถึง และในการจะติดต่อคบหากับคนจีนก็ต้องพูดจีนได้ด้วย เพราะฉะนั้นการให้ไปเรียนที่ไม่ใช้ภาษาอังกฤษก็เป็นเหตุผลทางวิชาการด้วยเช่นกัน อีกทั้งในการทำมาค้าขายกับประเทศใดก็ตามเราต้องรู้เขารู้เราแล้วด้วย ซึ่งวิธีเดียวที่จะทำได้คือ ต้องรู้ภาษาของเขา

“ที่ผ่านมาเราส่งคนไปเรียนในประเทศที่ใช้ภาษาอังกฤษมามากแล้ว แต่เราก็ถดถอยมากในการส่งคนไปประเทศที่ไม่ใช้ภาษาอังกฤษ ดังนั้น การให้คนไทยไปเรียนประเทศที่ใช้ภาษาอื่นจึงเป็นหลักการสำคัญของการให้ทุนนี้”

รมว.ศึกษาธิการ กล่าวอีกว่า ส่วนที่ว่าควรเปิดให้เด้กเลือกไปเรียนประเทศที่ใช้ภาษาอังกฤษด้วยก็สามารถทำได้ เพราะยังถือว่าเป็นการดำรงวัตถุประสงค์ของการไปเรียนวิทยาการในประเทศที่เราต้องคบหาอยู่ นอกจากนี้ในประเด็นที่มีผู้เสนอว่าควรมีข้อผูกพันว่าจะต้องใช้ทุนคืนหากเด็กไปเรียนแล้วไม่กลับมาทำงานในท้องถิ่นของตนเอง เรื่องนี้มีประเด็นว่าหากเราจะผูกพันเด็กแล้วเรามีงานรองรับเขาหรือไม่ หากต้องประกันงานให้ด้วย เมื่อเด็กกลับมา 1 ปีหากไม่มีงานรองรับก็ต้องปล่อยเขาไป

“ผมมีความรู้สึกว่าเราให้ทุนเด็กไปเรียนแค่ปริญญาตรี และต้องการให้กลับมาทำงานในท้องถิ่น แต่ในทางปฏิบัติเด็กเหล่านี้เป็นเด็กเก่งก็จะไม่หยุดแค่ปริญญาตรี ซึ่งกว่าครึ่งก็ได้ทุนเรียนต่อปริญญาโท-เอก โดยขณะนี้มีการแจ้งมาแล้วว่าได้ทุนเรียนต่อในประเทศนั้นๆ ซึ่งเราก็อนุญาตทุกราย ดังนั้น ผมคิดว่าถ้าจะผูกพันเด็กต้องให้ทุนถึงปริญญาโท-เอก แต่วันนี้เราให้เพียงปริญญาตรี ดังนั้นผมเห็นว่าควรรักษาหลักการเดิมไว้”

http://manager.co.th/

1 ความคิดเห็น:

ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

ขอบคุณค่ะสำหรับบทความดีๆ