กรรมการฟันธง นศ.เรียนทุนหวย

ศ.ดร.วิจิตร ศรีสอ้าน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (รมว.ศธ.) เปิดเผยภายหลังการประชุมกรรมการโครงการทุนการศึกษาเพื่อพัฒนาท้องถิ่น หรือในชื่อเดิมว่า โครงการ 1 อำเภอ 1 ทุน รุ่นที่ 3 ว่า ภายหลังเปลี่ยนชื่อเป็นทุนการศึกษาเพื่อพัฒนาท้องถิ่น เคยนำเข้าสู่การพิจารณาของคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อ ประมาณ 2 เดือนที่แล้ว แต่ ครม.ตั้งข้อสังเกตให้ ศธ.กลับมาพิจารณา 3 ประเด็น คือ 1.ทุนดังกล่าวจะเปลี่ยนมาเป็นทุนเรียนต่อในประเทศแทนได้หรือไม่ 2.ควรขยาย ส่งนักเรียนทุนไปในประเทศที่พูดภาษาอังกฤษด้วยหรือไม่ และ 3.ควรจะให้มีการผูกพันกลับมาทำงานใช้ทุนหรือไม่ จากเดิมที่กำหนดให้กลับประเทศเท่านั้น

ทั้งนี้ที่ประชุมเห็นว่าทุนดังกล่าวควรให้เป็นทุนการศึกษาต่างประเทศต่อ เพราะการศึกษาในประเทศมีมาตรการอื่นๆ ให้โอกาสเด็กยากจนอยู่แล้ว อีกทั้งการส่งคนไปเรียนในหลายๆ ประเทศ จะทำให้รู้สภาพความเป็นอยู่ทำให้ประเทศไทยสามารถคบหาอย่างชาญฉลาดกับนานาประเทศ รวมทั้งเห็นว่าไม่ควรผูกผันให้กลับมาทำงานราชการ เพราะเท่ากับเป็นการบังคับให้รัฐต้องอุ้มนักเรียนทุนเหล่านี้ และต้องหางานรองรับพวกเขา อีกทั้งจุดมุ่งหมายของทุนคือต้องการพัฒนาปัญหาของเยาวชน ไม่ใช่พัฒนาคนกลับมาทำงานให้ราชการ ส่วนประเด็นว่า ควรส่งไปเรียนในประเทศที่พูดภาษาอังกฤษด้วยหรือไม่นั้น ได้ให้ทางสำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน (ก.พ.) ไปหาตัวเลขนักเรียนไทยที่ไปเรียนประเทศที่พูดภาษาอังกฤษ แยกออกมาว่า ในจำนวนนี้เป็น นักเรียนทุนรัฐบาลไทยจำนวนเท่าใด เพื่อนำข้อมูลมาตัดสินใจว่า ควรส่งนักเรียนทุนไปประเทศที่พูดภาษาอังกฤษหรือไม่ แต่แนวโน้มคิดว่าไม่จำเป็นเพราะมีทุนการศึกษาที่ส่งไปเรียนในประเทศที่พูดภาษอังกฤษมากอยู่แล้ว

รมว.ศธ.กล่าวต่อว่า นอกจากนั้น ได้มอบให้ทาง ก.พ.ซึ่งรับหน้าที่ดูแลนักเรียนทุนดังกล่าวในต่างประเทศ และสำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา (สกอ.) ที่รับหน้าที่ดูแลนักเรียนทุนในประเทศ ไปร่วมกันทำรายงานติดตามผลนักเรียนทุนทั้ง 2 รุ่น มา แสดงข้อมูลว่านักเรียนทุนทั้ง 2 รุ่น โดยเฉพาะรุ่นที่ 1 นั้น เข้ามหาวิทยาลัยได้จำนวนเท่าใดแล้ว ผลการเรียนและโอกาสจบการศึกษาเป็นอย่างไร

ที่สำคัญผมต้องการรู้อย่างละเอียดว่า นักเรียนทุนแต่ละรายเข้าเรียนในสถาบันไหน และเรียนสาขาวิชาใด และเป็นสาขาที่ตรงตามความต้องการของประเทศหรือไม่ ตรงนี้มีความสำคัญมาก เพราะถ้าเขาไปเรียนในสถาบันที่ไม่เก่ง หรือไปเรียนในสาขาวิชาที่สถาบันนั้นๆ ไม่เก่ง เป็นสาขาวิชาที่ไม่มีประโยชน์ จะถือเป็นการลงทุนที่ไม่คุ้มค่า เพราะจริงๆ แล้ว โครงการต้องการส่งเด็กเก่งเหล่านี้ไปเรียนในสถานบันที่เก่งๆ เพื่อให้พวกเขาเก่งยิ่งขึ้น แล้วนำความเก่งมาใช้ประโยชน์ต่อการพัฒนาประเทศ ศ.ดร.วิจิตร กล่าว

รมว.ศธ. กล่าวอีกว่า นักเรียนทุนบางรายไม่สามารถเข้าสถาบันเก่งๆ ได้ เนื่องการจากเตรียมตัวที่ไม่พร้อม โดยเฉพาะการเตรียมตัวทางด้านภาษา ทำให้ต้องเลือกสาบันการศึกษาที่รองๆ ลงมา หรือเลือกเรียนในวิทยาลัยอาชีวะแทนแล้วค่อยโอนมาเรียนมหาวิทยาลัย แต่ความตั้งใจของโครงการต้องการให้นักเรียนทุนำเรียนในสถาบันเฉพาะทางระดับปริญญาตรีที่เก่งๆ นอกจากนั้นการเตรียมพร้อมที่ไม่ดีพอทำให้นักเรียนทุนรุ่นแรกเกือบ 100 คน กลับมาเรียนต่อในประเทศ ส่วนใหญ่จะไปเรียนในมหาวิทยาลัยเอกชน และเลือกเรียนทางสังคมศาสตร์ ซึ่งไม่ใช่สาขาที่ประเทศต้องการ หมดโอกาสที่จะเข้ามหาวิทยาลัยรัฐที่มีความเก่งในหลายสาขาวิชามากกว่ามหาวิทยาลัยเอกชน

เพราะฉะนั้นเมื่อรายการการติดตามผลออกมา พบว่าเรื่องนี้เป็นปัญหามาก ในรุ่นที่ 3 อาจจะต้องมีการเพิ่มเกณฑ์ในเรื่องการเลือกมหาวิทยาลัยด้วย เหมือนอย่างทุนการศึกษาของธนาคารนั้นจะกำหนดไว้เลยว่า ต้องเลือกมหาวิทยาลัยที่อยู่ใน TOP TEN เท่านั้น เพราะฉะนั้นโครงการอาจจำเป็นต้องกำหนดว่ามหาวิทยาลัยที่เด็กจะเรียนนั้นต้องเป็นสถาบันที่เก่ง เป็นสาขาที่ประเทศต้องการและเป็นสาขามีความเชี่ยวชาญของสถาบันนั้นๆ รวมทั้งอาจต้องปรับให้นักเรียนเตรียมความพร้อมทางภาษาให้แน่นตั้งแต่อยู่ในประเทศไทย ระหว่างนั้นให้สมัครเข้ามหาวิทยาลัยไปด้วย หากสามารถเข้ามหาวิทยาลัยที่มีชื่อได้ค่อยส่งตัวไปเรียน ทั้งนี้เพื่อให้ทุนดังกล่าวเป็นการลงทุนที่คุ้มค่า

อย่างไรก็ตาม มีข้อมูลเบื้องต้นจาก ก.พ.ว่า นักเรียนทุนรุ่น 1 ที่ศึกษาอยู่ในต่างประเทศทั้งหมด 640 ราย นั้น 25% คาบลูกคาบดอกว่าจะจบหรือไม่จบ ที่เหลืออีก 75% นั้น มีโอกาสจบสูงแต่ในจำนวนนี้ 60% เท่านั้น ที่จบตามกำหนด อีก 15% ต้องใช้เวลานานกว่าปกติ

ผู้สื่อข่าวถามว่า สาเหตุอะไรที่ทำให้นักเรียนทุนซึ่งเป็นเด็กเก่งของแต่ละอำเภอต้องเปลี่ยนมาเรียนในประเทศเกือบ 100 คน และไม่สามารถเข้ามหาวิทยาลัยเก่งๆ ได้ ขณะที่บางส่วนมีความเสี่ยงจะไม่จบ ศ.ดร.วิจิตร กล่าวต่อว่า เพราะการเตรียมการที่ไม่รัดกุมและเร่งรัดส่งเด็กไปต่างประเทศ รวมทั้งมีลูกหัวคะแนนติดมาด้วย ทั้งนี้คาดว่า รายงานติดตามผล และข้อมูลต่างๆ ที่มอบให้ ก.พ. และ สกอ.ไปจัดทำมาจะเสร็จภายในเดือน หลังจากนั้นจะกลับมาประชุมกันอีกครั้งก่อนจะสรุปเรื่องเสนอ ครม. คาดว่าเสนอ ครม.ได้ในเดือนกันยายนนี้


http://www.moe.go.th/

นร.ทุนอำเภอเรียนต่อฝรั่งเศส ขอกลับไทยมากที่สุดเหตุอ่อนภาษา

ปลัดศธ.ยอมรับนักเรียนทุน1 อำเภอ1 ทุนรุ่นแรก ขอกลับประเทศ เหตุสอบเข้ามหาวิทยาลัยไม่ได้ คะแนนทดสอบทางภาษาไม่ได้ตามเกณฑ์ ชี้เร่งรัดส่งเด็กไปต่างประเทศเร็วเกินไป

ดร.จรวยพรธรณินทร์ ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) กล่าวว่า นักเรียนทุนโครงการ 1 อำเภอ1 ทุนรุ่นแรกที่ขอกลับมาเรียนในประเทศไทย จำนวน 93 รายจากทั้งหมด 740 รายนั้นมาจากเหตุผลหลัก 3 เรื่องคือ ปัญหาสุขภาพส่วนตัว บางคนมีโรคประจำตัว และบางคนเป็นโรคคิดถึงบ้าน และสอบเข้ามหาวิทยาลัยไม่ได้เพราะไม่สามารถทำคะแนนทดสอบทางภาษาได้ตามเกณฑ์หรือไม่ผ่านการทดสอบอื่นๆ เช่น สอบสัมภาษณ์ รวมถึงเปลี่ยนใจ ขอกลับมาเรียนในไทยเอง โดยนักเรียนทุนจากประเทศฝรั่งเศสขอกลับมาเรียนต่อในประเทศมากที่สุด เพราะประเทศฝรั่งเศลมีนักเรียนเลือกไปเรียนมากที่สุด โดยรุ่นแรกมีนักเรียนเลือกไปเรียนที่ ฝรั่งเศส จำนวน 142 รายรุ่น 2 จำนวน181 ราย

"ส่วนใหญ่ที่ขอกลับมาเรียนในประเทศเพราะไม่สามารถสอบเข้ามหาวิทยาลัยได้ เพราะทำคะแนนทางภาษาไม่ได้ตามเกณฑ์ โดยเฉพาะบางประเทศอนุญาตให้ทดสอบทางภาษาได้ 2 ครั้งอย่างเช่น เยอรมนี หากครบ 2 ครั้งแล้วไม่สามารถผ่านการทดสอบทางภาษาได้จะไม่ต่อวีซ่าให้ เด็กก็ต้องเดินทางกลับไทย" ปลัด ศธ. กล่าว

ดร.จรวยพร กล่าวอีกว่า เด็กไม่สามารถผ่านการทดสอบทางภาษาได้นั้น เพราะนักเรียนทุนรุ่นที่ 1 มีเวลาเข้าค่ายเพื่อเตรียมความพร้อมแค่5 วันเนื่องจากต้องการเร่งรัดส่งตัวไปต่างประเทศ เมื่อเด็กต้องเดินทางไปเรียนภาษายังต่างประเทศทั้งที่เจ้าตัวไม่มีพื้นฐานทางภาษา จึงทำให้เกิดปัญหา ไม่สามารถเรียนภาษาได้เชี่ยวชาญและสอบเข้ามหาวิทยาลัยได้ภายใน 2 ปีตามที่โครงการกำหนด ไว้

"คงต้องมีการทบทวนการเตรียมพร้อมทางภาษาให้แก่นักเรียนทุนรุ่นที่ 3 ส่วนรุ่นที่ 2 ได้ปรับให้มีการเข้าคอร์สภาษาเป็นเวลา4 เดือนโดยให้มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ (องครักษ์) จ.นครนายก ดำเนินการ ส่วนภาษาจีนให้มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวงเป็นผู้ดำเนินการ เพื่อให้เด็กมีพื้นฐานทางภาษาบ้าง เมื่อเดินทางไปเรียนภาษาในต่างประเทศแล้วจะได้ไม่เกิดปัญหา และได้ปรับวิธีคัดเลือกด้วย รุ่นแรกได้ให้แต่ละจังหวัดเป็นผู้ออกข้อสอบคัดเลือกนักเรียนทุนแต่ละอำเภอเอง และสอบเฉพาะวิชาภาษาอังกฤษ แต่รุ่นที่ 2 ให้จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยออกข้อสอบให้และสอบวิชาพื้นฐาน เช่น วิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์" ปลัด ศธ. กล่าว


http://www.moe.go.th/
http://www.komchadluek.net/

“วิจิตร” สั่ง ก.พ.-สกอ.สังคายนา 1 ทุน 1 อำเภอ ลั่นไม่คุ้มค่ายกเลิกทันที

“วิจิตร” สั่ง ก.พ.-สกอ.รวบรวมข้อมูลเด็กทุนรัฐบาลทั้งหมดว่าศึกษาอยู่มหาวิทยาลัยใดและสาขาไหนบ้าง ทั้งในและต่างประเทศ เพื่อพิจารณาความคุ้มค่าของการให้ทุนการศึกษา และเสนอต่อ ครม.เพื่อทบทวนโครงการ 1 ทุน 1 อำเภอ ระบุหากผลการศึกษาออกมาไม่คุ้มค่า ก็ต้องปรับเกณฑ์การให้ทุนใหม่ หรืออาจต้องยกเลิกทุนดังกล่าว ระบุไม่เอาภาษีประชาชนมาทำให้สูญเปล่า เพราะตอนนี้เงินให้ทุนมาจากภาษีทุกคน ไม่ใช่จากการขายหวย

ศ.ดร.วิจิตร ศรีสอ้าน รมว.ศึกษาธิการ เปิดเผยว่า จากการประชุมร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อทบทวนเรื่องทุนการศึกษาเพื่อพัฒนาท้องถิ่น หรือ 1 อำเภอ 1 ทุนเดิม ตามที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้มอบหมายให้กลับมาพิจารณาทบทวน 3 ประเด็น คือ 1.ทุนนี้จำเป็นต้องไปเรียนต่างประเทศหรือไม่ หรือจะให้เรียนในประเทศทั้งหมด 2.ทุนที่เรียนต่างประเทศควรเปิดกว้างให้ไปเรียนประเทศที่ใช้ภาษาอังกฤษ หรือจะคงให้ไปเรียนเฉพาะประเทศที่ไม่ใช้ภาษาอังกฤษเท่านั้น และ 3.ควรจะมีเงื่อนไขผูกผันในการใช้ทุนหรือไม่


สำหรับประเด็นแรกนั้นเห็นว่า ถ้าให้ทุนเพื่อเรียนในประเทศก็ไม่จำเป็นต้องมีทุนนี้ เพราะมีมาตรการที่จะส่งเสริมให้เด็กเรียนดีแต่ยากจนเรียนในประเทศอยู่แล้ว ส่วนประเด็นที่สองแนวโน้มคงต้องยืนยันกับ ครม.ไปว่าควรจะคงหลักเกณฑ์ให้ไปเรียนประเทศที่ไม่ใช้ภาษาอังกฤษ เพราะเป็นยุคที่เตรียมคนเข้าสู่ประชาคมโลกที่ไร้พรมแดนจึงจำเป็นต้องรู้เขารู้เรา การได้เรียนรู้ชีวิตและวัฒนธรรมของประเทศที่หลากหลายจะทำให้เราเป็นพลโลก ประกอบกับปัจจุบันเด็กที่จบ ม.6 มีโอกาสที่จะไปเรียนประเทศที่ใช้ภาษาอังกฤษทั้งที่เป็นทุนรัฐบาลและทุนส่วนตัวมากมายอยู่แล้ว ดังนั้น ถ้าจะลงทุนให้คุ้มค่าก็ควรจะส่งไปเรียนในประเทศที่คนไทยไม่มีโอกาสได้ไป


ทั้งนี้ ได้มอบหมายให้สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน (ก.พ.) ไปประมวลจำนวนนักศึกษาไทยที่เรียนอยู่ในประเทศที่ใช้ภาษาอังกฤษ และไม่ใช้ภาษาอังกฤษ โดยเฉพาะที่เป็นทุนรัฐบาลว่ามีจำนวนเท่าไหร่ เพื่อประกอบการชี้แจงต่อ ครม.


รมว.ศึกษาธิการ กล่าวอีกว่า ส่วนประเด็นเรื่องข้อผูกพันในการชดใช้ทุนนั้น เห็นว่าทุนนี้สนองความต้องการของท้องถิ่นอยู่แล้ว และมีเงื่อนไขว่าต้องกลับมาพัฒนาท้องถิ่น แต่จะให้ผูกพันถึงขั้นว่าต้องกลับมาชดใช้ทุนนั้น ตนเห็นว่ายังไม่ควรกำหนดถึงขั้นนั้น เพราะเท่ากับเป็นการบังคับรัฐบาลต้องจัดหางานมารองรับ ซึ่งถ้าไม่มีงานให้ก็ต้องอุ้มคนเหล่านี้ ฉะนั้น ทุนนี้น่าจะเป็นทุนเลี้ยงสมองมากกว่าเป็นทุนพัฒนาคนเพื่อมาทำงาน


ส่วนที่ ครม.มอบหมายให้ไปศึกษา และจัดทำรายงานข้อมูลผลการติดตามเด็กทั้ง 2 รุ่น โดยในส่วนของต่างประเทศมอบหมายให้ ก.พ.ดำเนินการ ส่วนในประเทศมอบหมายให้ สำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา (สกอ.) ดำเนินการนั้นจากรายงานเบื้องต้นพบว่า นักเรียนทุนพัฒนาท้องถิ่นรุ่นแรกไปเรียนต่างประเทศกว่า 700 คน ขอกลับมาเรียนในประเทศ 100 กว่าคน เนื่องจากไม่สามารถเข้ามหาวิทยาลัยได้เพราะมีปัญหาเรื่องภาษา ส่วนที่เหลือร้อยละ 25 มีผลการเรียนที่คาบเส้นว่าจะจบหรือไม่ และที่เหลืออีกร้อยละ 75 อาจจะจบตามกำหนดเพียงร้อยละ 60 ส่วนอีกร้อยละ 15 อาจต้องใช้เวลานานกว่าปกติ


“ผมมอบหมายให้ทั้ง ก.พ. และสกอ.ไปศึกษาเพิ่มเติมว่า เด็กเรียนอยู่ในมหาวิทยาลัยอะไร ในสาขาที่มหาวิทยาลัยนั้นเชี่ยวชาญหรือไม่ และตรงกับความต้องการของประเทศหรือไม่ เพื่อนำมาเป็นข้อมูลในการพิจารณาความคุ้มค่าในการลงทุน เพราะถ้าเด็กเก่งไม่ได้เรียนในสถาบันที่เก่ง และไม่ได้เรียนในสาขาที่ประเทศชาติต้องการ ก็ถือว่าไม่คุ้มค่า ซึ่งหากผลออกมาเช่นนั้น ก็อาจจะต้องยกเลิกทุนนี้ไป แต่โดยส่วนตัวเห็นว่าโครงการนี้เป็นประโยชน์กับเด็กในท้องถิ่น ดังนั้นน่าจะนำข้อมูลที่ได้มาปรับหลักเกณฑ์ในรุ่นที่ 3 โดยควรจะกำหนดสาขา และมหาวิทยาลัยที่ติดอันดับเป็นเงื่อนไขในการให้ทุน ซึ่งผมให้เวลา ก.พ.และ สกอ.ไปศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมเป็นเวลา 1 เดือน คาดว่าไม่เกินเดือน ก.ย. น่าจะนำเรื่องนี้เสนอกลับเข้าสู่การพิจารณาของ ครม.ได้” รมว.ศึกษาธิการกล่าว


ศ.ดร.วิจิตร กล่าวเพิ่มเติมว่า หากตนไม่เห็นว่าทุนการศึกษานี้สำคัญและมีประโยชน์ก็คงไม่พยายามหาทางแก้ไขปัญหา หรือปรับปรุงเกณฑ์ต่างๆ ให้ดีขึ้น และคงจะยกเลิกทุนไปเลย แต่การดำเนินการทุนการศึกษาดังกล่าวของรัฐบาลชุดที่แล้ว ไม่รอบคอบ ไม่รัดกุม ทำแบบลองผิด ลองถูกมาตลอด จึงเกิดการสูญเปล่าขึ้น แต่ทั้งหมดไม่ใช่ความผิดของเด็ก จึงต้องพิจารณาเกณฑ์ต่างๆ ให้เกิดประโยชน์ต่อส่วนรวมให้มากที่สุด ซึ่งหากตนจะทำอะไรคงไม่เอาภาษีของประชาชนมาทำให้สูญเปล่า เพราะตอนนี้ทุนการศึกษาที่ให้เด็กกลุ่มนี้อยู่ เป็นเงินจากภาษีอากรของประชาชนทุกคน ไม่ใช่ทุนหวยเหมือนที่ผ่านมา และตนก็เสียภาษีนั้นอยู่เช่นกัน