บ่วงบาป "เด็กไทย"

เป็นอีกบทเรียนหนึ่งของนโยบายเอื้ออาทรที่รัฐบาลชุดนี้ให้ แก่คนไทย เมื่อนักเรียนทุนหวยบนดินในโครงการ "หนึ่งอำเภอ หนึ่งทุน" ที่ได้เดินทางไปศึกษาต่อที่เยอรมันและได้กระโดดตึกจนเสียชีวิต
มันเป็นเรื่องที่น่าเศร้าจริงๆ
น.ส.ณัฐชนน เมฆี อายุ 17 ปี ได้กระโดดตึกโรงพยาบาลในเยอรมัน ถึงแก่ความตาย หลังจากพยายามฆ่าตัวตายด้วยการกินยาแก้ปวดถึง 40 เม็ด แต่ไม่ตาย จึงถูกนำส่งโรงพยาบาลและเสียชีวิตในที่สุด
สาเหตุนั้นมาจากมีแรงกดดันรอบด้าน เนื่องจากอายุยังน้อยแต่ต้องจากบ้านไปอยู่เยอรมัน จึงคิดถึงบ้าน และต้องเรียนภาษาเยอรมันซึ่งไม่เคยเรียนมาก่อนและยาก ทำให้เรียนไม่รู้เรื่อง แม้จะเคยเป็นเด็กเรียนดี มาก่อนก็ตาม
เจอปัญหาแบบนี้ ด้วยวัยเพียงแค่ 17 ปี และอยู่ต่างบ้านต่างเมืองใครก็ต้องคิดมาก อีกด้านหนึ่งคงจะคิดมาก หากเรียนไม่ไหวถูกส่งกลับอนาคตที่วาดฝันไว้ก็อาจพังทลาย พ่อแม่ก็คงจะผิดหวัง อายเพื่อน อายใครต่อใคร
เมื่อไม่มีทางเลือก ไม่มีทางออก จึงต้องตัดสินใจปลิดชีวิตตัวเอง
นี่คือ 1 ในจำนวน 923 คน ที่ได้รับทุนหนึ่งอำเภอ หนึ่งทุน ที่รัฐบาลชุดนี้มีความปรารถนาดีที่จะทำให้เด็กไทยมีโอกาสได้ศึกษาต่อ ในระดับที่สูงขึ้นทั้งในและต่างประเทศ
ก่อนหน้านี้มีนักวิชาการได้แนะนำรัฐบาลว่าไม่ควรรีบร้อนส่งนักเรียนไปต่างประเทศ แต่ให้มีการเตรียมตัวให้พร้อมเสียก่อน เพราะเกรงว่าเด็กจะมีปัญหาในการปรับตัวเข้ากับภาษาและวัฒนธรรมต่างชาติ
แต่ไม่มีใครฟัง ไม่มีใครให้ความสนใจในประเด็นนี้
แน่นอนว่าโครงการนี้เป็นเรื่องที่ดี เท่ากับเป็นการ "ต่อยอด" ให้กับเด็กไทยที่ด้อยโอกาสได้มีวาสนาเรียนต่อในระดับที่สูงกว่า และจะกลับมาช่วยพัฒนาประเทศให้ก้าวไปข้างหน้า แต่ดูเหมือนว่ารัฐบาลคิดแต่จะเดินหน้าลูกเดียว โดยไม่ได้พิจารณาในรายละเอียด
พูดง่ายๆ เรื่องนี้ "หาเสียง" ได้ และข้าราชการก็รีบสนองนโยบายทันอกทันใจ เพื่อให้นายกฯชื่นชอบ รัฐมนตรีชื่นชม
ว่าที่จริงแล้ว หากรัฐบาลไม่เร่งรีบจนเกินไป มีการเตรียมความพร้อม มีการเช็กความพร้อมในตัวเด็กอย่างละเอียด โดยเฉพาะหากได้เรียนภาษาต่างประเทศก่อนที่จะเดินทางไป ปัญหานี้ก็จะลดน้อยลงหรือไม่เกิดขึ้นมาได้
ขณะเดียวกันก็ต้องมีทีมงานที่คอยติดตามดูแลสภาพความเป็นอยู่ ของเด็กที่ได้รับทุน ว่าอยู่กันอย่างไร มีปัญหาหรือแรงกดดันมากน้อยแค่ไหน
อยู่ๆก็ส่งไปเรียนแล้วปล่อย "ลอยแพ" ไม่มีใครคอยช่วยเหลือ ไม่มีใครดูแลให้คำปรึกษาหรือหาทางออกให้ กรณีนี้หากทราบเรื่องกันมาก่อนที่จะเกิดโศกนาฏกรรมขึ้น ก็คงจะหาทางแก้ไขด้วยการปลอบโยน ให้กำลังใจ หรือเห็นท่าไม่ไหวจริงๆจะได้ส่งกลับ
อย่างไรก็ดี ยังคงมีนักเรียนทุนอีกจำนวนมากที่ยังถูกปล่อยเกาะมีทางเดียวกระทรวงศึกษาฯ ต้องเร่งตรวจสอบและดูแลให้ใกล้ชิด เพราะเชื่อว่าในจำนวนนี้ คงมีนักเรียนที่เจอสภาพกดดันไม่ต่างกัน แต่ยังมีจิตใจที่เข้มแข็ง อดทน แต่ไม่รู้ว่าจะทนกันไปได้สักแค่ไหน
ยิ่งฟังเสียงผู้รับผิดชอบของกระทรวงศึกษาฯยิ่งเศร้าใจเข้าไปอีกที่บอกว่า นักเรียนคนนี้มีปัญหาเรื่องการปรับตัว เพราะออกจากพื้นที่เป็นครั้งแรก แล้วทำไมถึงไม่เตรียมตัวให้พร้อมก่อนที่จะส่งไป
คิดไว ทำไว จ่ายไว ว่ากันเฉพาะหน้า ซึ่งมันก็สะท้อนการทำงานของรัฐบาลชุดนี้ ที่ออกนโยบายต่างๆเป็นรายวัน โดยเฉพาะโครงการเอื้ออาทรทั้งหลาย แต่ไม่ได้มีการติดตามและประเมินผลที่ออกมา เอาแต่ "เงิน" เป็นหลักเท่านั้น
อย่างกองทุนหมู่บ้านที่ให้กู้ยืมกันนั้นกำลังจะทำให้รัฐเสียเงินฟรี ประชาชีมีหนี้เพิ่ม
เป็นความปรารถนาดีที่อยู่ใน "บ่วงบาป".

0 ความคิดเห็น: