ประกาศผลผู้ได้รับทุน 1 อำเภอ 1 ทุน รุ่นที่ 2

ประกาศคณะกรรมการโครงการทุนศึกษาต่อของนักเรียนจากทุกอำเภอและกิ่งอำเภอในระดับอุดมศึกษา (ปริญญาตรี)
เรื่อง ประกาศรายชื่อผู้ได้รับคัดเลือกให้รับทุนโครงการทุนศึกษาต่อของนักเรียนจากทุกอำเภอและกิ่งอำเภอในระดับอุดมศึกษา (ปริญญาตรี) รุ่นที่ 2 (ปีการศึกษา 2549)

ตามที่ คณะกรรมการโครงการทุนศึกษาต่อของนักเรียนจากทุกอำเภอและกิ่งอำเภอในระดับอุดมศึกษา (ปริญญาตรี) (โครงการ 1 อำเภอ 1 ทุน) ได้ประกาศรับสมัครผู้รับทุนโครงการทุนศึกษาต่อของนักเรียนจากทุกอำเภอและกิ่งอำเภอในระดับอุดมศึกษา (ปริญญาตรี) (โครงการ 1 อำเภอ 1 ทุน) โดยกำหนดรับสมัครตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน 2548 - 16 มกราคม 2549 กำหนดสอบข้อเขียนในวันที่ 29 มกราคม 2549 และกำหนดสอบสัมภาษณ์ในวันที่ 4 มีนาคม 2549 นั้น บัดนี้ การสอบข้อเขียนและสอบสัมภาษณ์ได้เสร็จสิ้นลงแล้ว จึงขอประกาศรายชื่อผู้ได้รับการคัดเลือกให้รับทุน ดังต่อไปนี้

รายชื่อผู้ได้รับคัดเลือกทุนการศึกษาโครงการหนึ่งอำเภอ หนึ่งทุนฯ
ที่มา กระทรวงศึกษาธิการ

4 ความคิดเห็น:

ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

yehhh !!
สอบติดแล้วดีใจจังๆๆ รอสัมภาษณ์ครับ

ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

อยากไปอยู่ครับฝรั่งเศส เด๋ยวศึกษาข้อมูลเยอะๆก่อน ตัดสินใจไม่ถูกครับ.

ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

ไม่ uodate blog เลยนะครับ

ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

ก่อนอื่นก็ต้องแสดงความดีใจกับน้องๆ หนึ่งอำเภอ หนึ่งทุนรุ่นที่สอง ที่กำลังทำการสอบคัดเลือกตอนนี้อยู่นะค่ะ(และพิเศษสำหรับน้องๆที่ได้เป็นตัวแทนของแต่ละอำเภอนะค่ะ) ไงก็ขอให้ทำมันให้อย่างเต็มที่ เมื่อโอกาสมาถึงแล้วก็ขอให้ประสบความสำเร็จนะค่ะ โลกภายนอกกำลังเปิดรับน้องๆทุกคนอยู่ พี่ก็คนหนึ่งที่ได้รับโอกาสครั้งสำคัญและครั้งใหญ่ในชีวิตของพี่ ประสบการณ์ที่ได้จาการมาเรียนต่างประเทศ มีมากก็ที่พี่คิดซะอีก พวกพี่ๆมาอยู่นี้ก็เรียนรู้ภาษาของประเทศที่มาอยู่ ซึ่งบางครั้งมันก็ยากพอสมควร เพราะในประเทศเราจะสอนภาษาอังกฤษชะเป็นส่วนใหญ่ ถือว่าพวกพี่ๆทุกคนต้องมานับหนึ่งใหม่กันที่นี้ เรามาอยู่ไกลบ้าน ไกลพ่อแม่ ไกลเพื่อนๆๆ ซึ่งบางครั้งพวกพี่ก็เหงาและก็คิดถึงบ้านกันบ้าง แต่ดีที่พวกพี่มายังมีเพื่อนนักเรียนทุนด้วยกัน ซึ่งถึงแม้ว่าเราจะเพิ่งรู้จักกันได้ไม่นาน แต่ทุกวันนี้พวกเรากลับสนิทกันมาก แล้วเวลาที่พวกพี่มีปัญหาอะไร ก็จะมาเล่าสู่กันฟัง เพื่อจะช่วยกันแก้ไข้ปัญหาหรือหาทางออกกัน ไม่ว่าเราจะทำอะไร ไปไหนมาไหน พวกเราก็ทำด้วยกัน และไปด้วยกัน นี้แหละคือมิตรที่หาได้ไม่ยากจากเพื่อน ขอแค่ให้น้องๆรู้จักการรักษานำใจกันและมีความจริงใจต่อคนอื่น น้องๆบางคนที่ไม่กล้าตัดสินใจมาเรียนยังต่างประเทศ เพราะกลัวว่า จะเจอปัญหาเรื่อง คิดถึงบ้าน และกลัวเรื่องภาษาหรือว่าการปรับตัวให้เข้ากับสังคมของที่นั้น น้องๆไม่ต้องกังวล สำหรับเรื่องคิดถึงบ้าน พี่ก็เชื่อว่านักเรียนทุนก็มีปัญหานี้กันทุกคน แต่มันก็มีทางออกหลายวิธี อย่างเช่นว่า น้องๆสามารถเขียนจดหมายติดต่อกับทางบ้าน ซึ่งอาจจะช้า แต่ก็เป็นวิธีที่ประหยัดที่สุด หรือว่าจะโทรศัพท์กลับบ้านก็ได้ ซึ่งอาจจะแพงขี้นมาหน่อย อีกวิธีหนึ่งคือทางเมลล์ซึ่งวิธีน้องๆคงจะใช้กันบ่อย และที่สำคัญน้องๆจะมีพวกพี่ทางสถานฑูต มาคอยดูแลและให้คำแนะนำน้องๆอยู่เสมอค่ะ และเท่าทีพี่รู้นะ ว่าแต่ละเมืองก็จะมีพี่ๆคนไทย(ซึ่งอาจจะไปทำงานหรือว่ามีครอบครัวกันที่นั้น) มาคอยให้คำแนะนำเหมือนกัน .สำหรับเมืองทีพี่อยู่ถึงจะเป็นเมืองเล็กๆแต่ก็มีพี่ๆคนไทยมาอยู่เยอะเหมือนกัน และพี่ๆเขาก็ใจดีและเป็นมิตรกันทุกคน และที่สำคัญพวกเราก็จะมีงานเลี้ยงกัน(ทำกับข้าวไทยทานกัน)เกือบทุกเดือน หรือไมเวลาพวกพี่มีปัญหาก็จะปรึกษาพี่คนไทยกันได้ รู้กันอย่างนี้แล้วก็หายห่วงเรื่องคิดถึงบ้านกันได้แล้วนะค่ะ หรือว่าถ้าคิดถึงบ้านจริงๆ น้องๆก็มีโอกาสกลับไปเยี่ยมบ้านได้ทุกปี (ถ้าน้องๆมีเวลาและมีตังค์เก็บ ต้องเก็บตังค์ค่าตั๋วเองนะค่ะ)ส่วนเรื่องภาษาอย่างที่พี่บอกว่า บางคนต้องมานับหนึ่งให่ม่กับภาษากัน แต่น้องไม่ต้องกลัวเพราะพี่เชื่อว่าน้องๆทุกคนต้องทำได้อยู่แล้ว ซึ่งช่วงแรกที่เรียนอาจจะยากกันหน่อย แต่ขอให้เราตั้งใจเรียนและรู้จักเข้าสังคม พี่หมายถึง การเข้าร่วมกิจกรรมของเขา ซึ่งมันจะช่วยน้องๆได้มากในการเรียนภาษานะค่ะ หรือไมว่าจะเป็นสร้างเพื่อนใหม่กับชาวต่างชาติ อันนี้ก็ช่วยได้มากเช่นกัน เพราะเวลาเราไม่เข้าใจอะไร เขาก็สามารถช่วยแปลหรือว่าเป็นล่ามให้เราได้ ส่วนเรื่องการปรับตัวให้เข้ากับสังคมนั้นๆ อันนี้พี่และเพื่อนๆก็เจอกันมาแล้ว อย่างที่พวกเรารู้ๆกันอยู่ว่า สังคมของเขากับเราต่างกันมาก ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอาหาร การแต่งตัว วัฒนธรรม การดำรงชีวิตของเขา ฯลฯ มันจะไม่เป็นปัญหาใหญ่ ถ้าน้องๆรู้จักการปรับตัวและค่อยๆเรียนรู้มันไป แต่ไม่ไช่ให้ลืมวัฒนธรรมไทยนะค่ะ ปัญหาที่เจอกันมากสุด ก็คงจะเป็นเรื่องอาหาร และอากาศที่ค่อยข้างจะแตกต่างกันมาก กับข้าวไทยส่วนมากจะรสจัด แต่ของฝรั่ง(ชาวตะวันตก)จะทานกันแบบจืดๆ(ไม่ค่อยมีรสชาติอ่ะค่ะ)ส่วนมากเขาจะทานขนมปังกับชีส(เนยแข๊ง)กัน ซึ่งถ้าคนไทยทานแล้วจะทำให้รู้สึกว่า มันไม่อร่อยและทานไม่อิ่มไม่เหมือนทานข้าว แต่ยังไงพี่ก็ขอแนะนำให้ทานอาหารของที่นั้นจะดีกว่านะค่ะ เพราะอย่างแรกเลยก็คือราคาจะถูก(เมื่อเทียบกับกับข้าวไทย) อย่างที่สองจะหาซื้อได้ง่ายก็อาหารไทย และที่สำคัญใช้เวลาไม่มากในการทำทาน(ข้อนี้สำหรับคนขี้เกียจทำกับข้าว) แต่ถ้าน้องๆคิดว่ายังไงก็จะทานกับข้าวไทยให้ได้ ไม่ต้องห่วงค่ะ เพราะแต่ละเมืองก็จะมีร้านอาหารไทยอยู่ ซึ่งน้องๆสามารถไปทานกันได้ แต่ขอบอกอย่างนะค่ะว่าราคาแพงมาก ก็นานๆไปทานกันครั้งก็น่าจะเป็นความคิดที่ดีนะค่ะ และอีกวิธีหนึ่งคือการไปซื้อวัตถุดิบมาทำกันทานเอง คือจะมีขายกันตามร้านอาหารจีน ซึ่งจะมีขายทุกอย่างเหมือนอยู่บ้านเราเลย(เมืองไทย)ไม่ว่าจะเป็นอาหารสด อาหารแห้ง ผลไม้ ขนม นม เครื่องดื่ม ฯลฯ เขาสั่งตรงมาจากเมืองไทยค่ะ อันนี้ราคาก็ไม่แพงเท่าไรก็ประมาณสี่ -ห้า เท่ากับราคาที่เมืองไทยนะค่ะ และอีกเรื่องคือ เรื่องอากาศ ที่หนาว ในฤดูหนาวอุณหภูมิก็จะอยู่ประมาณ หนึ่งองศาถึงติดลบนะค่ะ (โดยประมาณนะค่ะ บางที่อาจจะสูงหรือตำมากกว่านี้นะค่ะ)แต่ก่อนน้องๆเดินทางมาทางรัฐบาลท่านก็จะให้คำแนะนำ คือน้องๆก็จะเตรียมเสื้อกันหนาว ถุงมือ หรือผ้าพันคอ และอื่นๆ แต่อันนี้พี่ขอแนะนำว่าไม่ต้องข่นเอาเสื้อกันหนาวกันมามากจากบ้านเรา เพราะมันจะลำบากในการข่นย้าย และที่สำคัญจะใช้ได้ไม่ได้นาน และไม่ค่อยดีเหมือนของที่เขา(ของฝรั่งเขา)ขายกัน ของคนไทยจะบางกว่า กั้นความหนาวได้ไม่ดีและพังง่าย ทางที่ดีน้องเอามาแค่คนละตัวจะเป็นการดี (พี่หมายถึงเสื้อกันหนาวนะค่ะ) เพราะเราสามารถมาซื้อกันได้ที่นี้(ต่างประเทศ) ซึ่งราคาก็ไม่ค่อยต่างจากของไทยเรามากนัก แต่คุณภาพการใช้งานดีกว่ามาก ดังนั้นน้องๆหายห่วงเรื่องปัญหาต่างๆกันได้นะค่ะ ทุกปัญหามีทางแก้ไข สำหรับน้องๆที่มีปัญหาหรือว่าข้อสงสัยหรือว่าอยากถามก็เขียนเข้ามากันได้นะค่ะ ยังไงก็ขอให้น้องตั้งใจเรียนกันนะค่ะ อนาคตรอพวกเราอยู่ พวกพี่เป็นกำลังใจให้เสมอค่ะ